1. สเปรย์
สเปรย์เป็นสินค้าที่นิยมใช้อย่างแพร่หลาย เช่น
สเปรย์ฉีดผม สเปรย์ยาฆ่าแมลง สเปรย์ระงับกลิ่นตัว สเปรย์น้ำหอมปรับอากาศ เป็นต้น
สเปรย์เป็นผลิตภัณฑ์ที่อยู่ในสภาวะของเหลว มีก๊าซเหลว หรืออากาศเป็นตัวขับดัน
สเปรย์บางชนิดบรรจุอยู่ในภาชนะที่มีกลไกในการปั๊มให้มีกำลังในการฉีดพ่นออกมาเป็นฝอยละอองเล็กๆ
สารขับดันที่นิยมใช้แพร่หลายที่สุด คือ
สารประเภทคลอโรฟลูออโรคาร์บอน (Chlorofluorocarbons : CFCs) ซึ่งเป็นสารเคมีที่สามารถก่อให้เกิดปัญหาทางสิ่งแวดล้อมอย่างร้ายแรง
สามารถทำลายโอโซนที่ทำหน้าที่กรองรังสีอัลตราไวโอเลต (UV) ทำให้โอโซนบางลงจนเกิดเป็นช่องว่าง
ส่งผลให้รังสียูวีจากดวงอาทิตย์สามารถกระจายลงสู่ผิวโลกได้มากยิ่งขึ้น
เป็นสาเหตุให้เกิดโรคมะเร็งที่ผิวหนัง เกิดการสูญเสียการรับภาพของดวงตาและโรคอื่นๆ
นอกจากนี้รังสียูวียังทำลายฮอร์โมน คลอโรฟิลล์ และสารเคมีที่มีความสำคัญต่อการสังเคราะห์แสงของพืช
และเป็นอันตรายต่อสาหร่ายเซลเดียวที่อาศัยอยู่ในแหล่งน้ำ
มีผลต่อห่วงโซ่อาหารของสิ่งมีชีวิตในน้ำ
การใช้สเปรย์อย่างไม่ทำร้ายโลก
• หากจำเป็นต้องใช้สเปรย์
เลือกใช้สเปรย์ที่ได้รับฉลากเขียว เพราะไม่ใช้สาร CFCs ทุกชนิด
รวมถึงสารที่เป็นอันตรายต่อสิ่งแวดล้อม
• เลือกใช้ผลิตภัณฑ์สเปรย์ที่ไม่ทำให้เกิดความระคายเคืองและไม่มีสารพิษร้ายแรงที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ
• ต้องมีคำแนะนำในการใช้สเปรย์ที่ถูกต้อง
• ใช้บรรจุภัณฑ์ที่สามารถนำกลับมาเวียนใช้ใหม่ได้
2. ถ่านไฟฉายสูตรไม่ผสมสารปรอท
ถ่านไฟฉายเป็นขยะอันตรายใกล้ตัวที่หลายคนอาจมองข้ามและทิ้งปะปนกับขยะทั่วไป
ส่วนใหญ่มักจะถูกทิ้งมาจากบ้านเรือนมากกว่าโรงงานอุตสาหกรรม
ภายในถ่านไฟฉายประกอบด้วยโลหะหนักต่างๆ เช่น แมงกานีส สังกะสี ปรอท แคดเมียม
ตะกั่ว เป็นต้น
เมื่อถ่านไฟฉายถูกเผาจะปล่อยไอสารปรอท ซึ่งมีพิษอย่างรุนแรงออกสู่บรรยากาศ
สามารถเข้าสู่ร่างกายได้ทั้งทางจมูก ปาก และผิวหนัง ส่งผลให้เกิดอาการผิดปกติต่างๆ
นอกจากนี้ปรอทยังสามารถเปลี่ยนไปอยุ่ในรูปของเมทิลซึ่งมีพิษรุนแรงยิ่งขึ้นได้โดยแบคทีเรียที่อยู่ในดิน
ซึ่งปรอทในรูปนี้มีความเป็นพิษสูงกว่าในรูปของโลหะหลายเท่าและอาจถ่ายทอดไปตามห่วงโซ่อาหารได้
หัวใจสำคัญของถ่านไฟฉายสูตรไม่ผสมสารปรอทฉลากเขียว
ต้องไม่มีสารปรอทผสมอยู่ในกระบวนการผลิต
และมีการเรียกคืนซากถ่านไฟฉายเพื่อนำกลับมากำจัดอย่างถูกต้องตามหลักวิชาการ นอกจากนี้ผลิตภัณฑ์ยังต้องได้รับการรับรองตามมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมแบตเตอรี่แห้ง
รวมถึงในกระบวนการผลิต การขนส่ง และการกำจัดทิ้งหลังใช้
ผลิตภัณฑ์ต้องเป็นไปตามกฎหมายและข้อบังคับของทางราชการด้วย
ฉลาดรู้ ฉลาดใช้
• ควรเลือกใช้ถ่านไฟฉายที่ไม่มีส่วนผสมของสารปรอท
• ไม่ควรทิ้งซากถ่านไฟฉายที่ใช้แล้วปะปนกับขยะทั่วไป
ควรแยกทิ้งในกล่องหรือภาชนะต่างหาก และเขียนป้ายบอกให้ชัดเจน
เพื่อเจ้าหน้าที่เก็บขนขยะจะได้นำไปกำจัดอย่างถูกวิธี
3. หลอดฟลูออเรสเซนต์
แสงสว่างช่วยให้เกิดความสะดวกสบายในการดำเนินชีวิต แต่จากการศึกษา
วัฏจักรชีวิตของหลอดฟลูออเรสเซนต์
พบว่าในขณะใช้งานจะมีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมมากที่สุดคือ ร้อยละ 90
โดยอยู่ในรูปของการใช้พลังงานไฟฟ้า ผลกระทบที่เหลือเกิดในขณะที่ยังเป็นวัตถุดิบในกระบวนการผลิต
เช่น การระเหยของไอปรอท และหลังจากทิ้งหลอกดที่ใช้งานแล้ว
กลายเป็นขยะอันตรายปนเปื้อนกับขยะมูลฝอยจากบ้านเรือน
ภายในหลอดฟลูออเรสเซนต์มีปรอทบรรจุอยู่
หากปนเปื้อนออกมาก่อให้เกิดอันตรายต่อส่วนต่างๆ ของร่างกาย
แตกต่างไปตามชนิดของพิษปรอท เช่น ปรอทในรูปโลหะหนัก มีผลกระทบต่อระบบประสาท
ปรอทในสถานะที่เป็นของเหลวมีความเป็นพิษไม่มากนัก แต่เมื่ออยู่ในสถานะที่เป็นไอ
จะมีพิษอย่างรุนแรง ไอปรอทสามารถเข้าสู่ร่างกายได้ทั้งทางจมูก ปาก และผิวหนัง
มีผลทำร้ายเซลล์ภายในร่างกาย และอาจเกิดความผิดปกติกับส่วนต่างๆของร่างกาย
ที่มา : http://www.lpn.co.th/th/press/viewitem.aspx?nid=16
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น